วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แสงอุษา


สมาชิกระดับสูงนั้นมีประมาณ 10 คน ซึ่งหากมีสมาชิกคนใดเสียชีวิต ก็จะมีการหาสมาชิกใหม่ที่ฝีมือดีเข้ามาแทนที่ โดยแสงอุษายังมีสมาชิกระดับล่างเป็นอดีตนินจานับร้อยคนในหมู่บ้านอาเมะคากุเระแทบทั้งหมู่บ้าน ซึ่งหันมาภักดีกับโทบิ(อุจิวะ มาดาระ) หัวหน้าแสงอุษา โดยสมาชิกระดับสูงทุกคนนั้นเป็นผู้ทรยศหมู่บ้านตนเองและเป็นที่ต้องการตัวในฐานะอาชญากรที่อันตรายระดับสูง
สมาชิกแสงอุษามักจะแบ่งทีมให้ทำงานกันเป็นคู่ โดยทีมจะถูกแบ่งตามความสามารถและพรสวรรค์ ออกปฏิบัติภารกิจลับของแสงอุษาร่วมกัน สมาชิกที่คู่หูเสียชีวิตไปก็ยังคงสามารถทำงานต่อไปได้จนกว่าจะมาคู่หูคนใหม่มาแทน อย่างน้อยที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างคู่หู ในบางครั้งเป็นรูปแบบของความเลื่อมใสในตัวอีกคนหนึ่ง หรือไม่ก็แค่ทำงานกับคู่หูของเขาเพื่อบรรลุจุดประสงค์ขององค์กรเท่านั้น โดยทั่วไป จะเห็นว่าสมาชิกแสงอุษาแต่ละคนไม่ได้กังวลกับชะตากรรมของคู่หูสักเท่าไหร่ พวกเขากังวลแค่การตายของบางคนจะมาจากใครก็ตามที่แข็งแกร่งพอที่จะฆ่าพวกเขาได้
แสงอุษาเป็นองค์กรที่รู้จักกันแพร่หลาย ด้วยการที่สมาชิกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจตามแคว้นและหมู่บ้านต่างๆ ในโลกของนารูโตะ เนื่องจากสมาชิกแต่ละทีมต้องแยกกันออกไปตามสถานที่ต่าง จึงทำให้พวกเขาใช้วิธีประชุมกันทางโทรจิต ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กัน สมาชิกจะใช้ร่างปลอมเพื่อพบกันที่รังลับของแสงอุษา รวมถึงการมาพบกันเพื่อประกอบพิธีลับบางอย่างซึ่งเกี่ยวกับจุดประสงค์ของแสงอุษา

ชุด
สมาชิกระดับสูงของแสงอุษาจะแต่งกายด้วยเสื้อคลุมที่เหมือนกันทุกคน คือเสื้อคลุมดำยาว มีลวดลายเป็นรูปเมฆสีแดงและข้างในเป็นสีแดง สมาชิกทุกจะทาสีที่เล็บมือและเล็บเท้า มักจะเห็นพวกเขาจะสวมหมวกฟางใบใหญ่ และมีกระดิ่งที่ห้อยลงมาเพื่อปกปิดใบหน้าเวลาที่เห็นพวกเขาออกไปปฏิบัติภารกิจ แต่หมวกมักจะถูกทิ้งไว้หลังจากพวกเขาหายตัวไป นอกจากนี้สมาชิกแต่ละคนยังคงสวมกระบังหน้าจากอดีตหมู่บ้านนินจาที่เขาสังกัด แต่จะทำสัญลักษณ์เส้นขีดฆ่าทับสัญลักษณ์ของหมู่บ้านไว้ (ซึ่งสมาชิกระดับล่าง เช่นบรรดาอดีตนินจาสังกัดหมู่บ้าน อาเมะคากุเระ ที่หันมาจงรักภักดีต่อเพน ก็จะกระทำสัญลักษณ์นี้ในแบบเดียวกัน) สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าความผูกพันของพวกเขาต่ออดีตหมู่บ้านนั้นจะไม่มีอีกต่อไป สมาชิกของระดับสูงของแสงอุษาจะสวมแหวนที่เป็นเอกลักษณ์ และสมาชิกแต่ละคนจะไม่สวมแหวนในนิ้วที่ซ้ำกัน แหวนที่ปรากฏมีทั้งหมด 10 วงซึ่งจะมีการสลักตัวอักษรที่แตกต่างกันออกไป

ตำแหน่งการยืน ตามลำดับแหวนของแสงอุษา
นิ้วโป้งขวา 零 Rei (ศูนย์) สวมโดย เพน
นิ้วชี้ขวา 青龍 Seiryū (มังกรฟ้า) สวมโดย เดอิดาระ
นิ้วกลางขวา 白虎 Byakko (เสือขาว) สวมโดย โคนัน
นิ้วนางขวา 朱雀 Suzaku (นกแดงชาด) สวมโดย อิทาจิ
นิ้วก้อยขวา 玄武 Genbu (เต่าดำ) สวมโดย เซ็ตสึ
นิ้วก้อยซ้าย 空陳 Kūchin (ความว่างเปล่า) อดีตถูกสวมโดย โอโรจิมารุ และถูกเขายึดไปด้วยไม่ได้คืนให้แสงอุษา
นิ้วนางซ้าย 南斗 Nanju (ดาวทิศใต้) สวมโดย คิซาเมะ
นิ้วกลางซ้าย 北斗 Hokuto (ดาวทิศเหนือ) สวมโดย คาคุสึ
นิ้วชี้ซ้าย 三台 santai (สามระดับ) สวมโดย ฮิดัน
นิ้วโป้งซ้าย 玉女 gyokunyo (พรหมจรรย์) สวมโดย โทบิ (ในอดีต - ซาโซริ เป็นผู้สวมใส่)
โดยเวลาที่แสงอุษามาพบกันเพื่อประกอบพิธีบางอย่างที่รังลับ ทุกคนจะยืนบนนิ้วมือของรูปปั้นอสูรลึกลับ ตามตำแหน่งเดียวกับแหวนที่พวกเขาสวมใส่ด้วย แหวนนี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับวิชานินจากที่ใช้เมื่อเวลาประกอบพิธีกรรมและตำแหน่งของการยืนนั้น

เป้าหมาย
แสงอุษา เป็นองค์กรที่ก่อตั้งโดย อุจิวะ มาดาระ ในเบื้องต้นพบว่าทำงานลอบสังหารและจารกรรม นอกจากนี้สมาชิกบางคนยังมีจุดประสงค์แอบแฝงต่างหากในการเข้าร่วมกับแสงอุษา เช่น คาคุสึ เข้าร่วมเพราะว่ามันเป็นทางที่จะสามารถหาเงินได้อย่างง่ายๆ อย่างไรก็ตามในภายหลังมีการเปิดเผยจุดประสงคที่ดูเหมือนจะเป็นจุดประสงค์แท้จริงของแสงอุษาคือการ ครอบครองโลก โดยมีผู้นำคือ เพน

การตามจับสัตว์หางทั้ง 9
สัตว์หาง คือ ปีศาจขนาดยักษ์ 9 ตัวที่มีพลังมหาศาล และถูกหมายตาโดยเหล่าแสงอุษา สัตว์หางทั้งหมดได้แก่
ชูคาคุ หนึ่งหาง (一尾の守鶴, Ichibi No Shukaku) สัตว์หางรูปแบบแรคคูน ก่อนหน้าที่จะถูกจับเคยสิงอยู่ในร่างของ กาอาระ ซึ่งเป็น คาเซะคาเงะคนปัจจุบัน
เนโกะมาตะ สองหาง (ニ尾の猫俣, Nibi no Nekomata) สัตว์หางรูปแบบแมว เคยสถิตอยู่ในร่างของ ยูกิโตะ นิอิ นินจาหญิงแห่งหมู่บ้านคุโมะงาคุเระ ก่อนจะถูกแสงอุษาแย่งชิงมา
อิโซนาเดะ สามหาง สัตว์หางรูปร่างคล้ายตะพาบ (ในตำนานระบุว่าเป็นสัตว์คล้ายฉลาม)
โซโค สี่หาง สัตว์หางรูปแบบผสมคล้ายแมลงพิษ หรือไก่ผสมกับงู ไม่เคยปรากฏออกมาชัดเจนแม้จะถูกแสงอุษาจับได้เป็นตัวแรกๆ
โฮโก ห้าหาง สัตว์หางรูปแบบสุนัข
ไรจู หกหาง สัตว์หางหน้าตาคล้ายตัววีเซิลเป็นเจ้าแห่งสายฟ้า
คาคุ เจ็ดหาง สัตว์หางรูปร่างแบบตัวแบดเจอร์
แปดหาง สัตว์หางรูปแบบวัวกระทิงมีหางเป็นปลาหมึก ผนึกอยู่ในร่างของ คิลเลอร์ บี
คิวบิ เก้าหาง (九尾の妖狐, Kyūbi no Yōkō) สัตว์หางรูปแบบจิ้งจอก ถูกผนึกอยู่ในร่างของ นารูโตะ เชื่อว่ามีพลังมากที่สุดในบรรดาสัตว์หาง
ดูเพิ่ม : สัตว์หาง
ทุกครั้งที่จับสัตว์หางมาได้ พวกเขาจะนำไปที่รังของแสงอุษาที่ใกล้ที่สุดที่ๆ สมาชิกคนอื่นๆที่อยู่ห่างไกลจะใช้วิชาลับส่งร่างจำแลงมาเข้าร่วมแทนโดยจะมีการอัญเชิญรูปปั้นเทพอสูรให้ปรากฏขึ้นมาเพื่อสูบพลังดูดกลืนเอาสัตว์หางเข้าไป และมีข้อสังเกตว่าสมาชิกแสงอุษาจะยืนบนนิ้วของเทพอสูรตามตำแหน่งของแหวนที่ตนใส่ โดยมีการจับสัตว์หางมาผนึกไว้ตามลำดับ ส่วนร่างที่แท้จริงของเทพอสูรนั้นยังเป็นปริศนา (เชื่อกันว่าอาจจะเป็นอสูร เทงงู การาสุ ซึ่งเป็นเทงงู 1 ในสองตนในตำนานญี่ปุ่น) ดูเหมือนว่าพลังของสัตว์หางเมื่อรวบรวมได้ครบจะสามารถใช้ปลุกเทพอสูรได้ เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เช่นการก่อสงคราม

เบื้องหลังของแสงอุษา
อุจิวะ มาดาระ คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของแสงอุษาโดยไม่เปิดเผยตัว และมีสมาชิกเพียงบางคนเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของ อุจิวะ มาดาระ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในระดับที่สูงกว่าเพน แม้ภายหลังมาดาระ จะสวมรอยเป็นโทบิ เข้าร่วมกับองค์กร แต่แท้จริงเขาคือต้นตอ และผู้วางแผนการทั้งหมด รวมทั้งวางอุดมการณ์และเป้าหมายที่แท้จริงของการตั้งแสงอุษาขึ้นนั่นเอง บุคลิกที่แท้จริงของมาดาระดูจริงจังและเคร่งขรึมมาก ต่างจากเวลาที่แกล้งเป็นโทบิซึ่งดูเถลไถล ไม่เอาจริงเอาจัง และดูไม่ค่อยเก่งกาจ ต่างจากมาดาระโดยสิ้นเชิง
สมาชิกปัจจุบัน
คือสมาชิกระดับสูงของแสงอุษาที่สวมแหวนและแต่งเครื่องแบบเสื้อคลุม ออกปฏิบัติภารกิจลับสำคัญและเป็นอันตรายอย่างสูง

เพน
คู่หู : โคนันเพน (ペイン Pein) หัวหน้าของแสงอุษา วิชาลับของเขาคือการมีร่าง 6 ร่างที่ใช้จิตเดียวกัน รู้จักกันในชื่อ เพน 6วิถี (ペイン六道 Pein Rikudō) ลักษณะที่เหมือนกันคือผมสีส้ม มีการเจาะจำนวนมากตามร่างกาย และทุกร่างมีเนตรสังสาระ (輪廻眼 Rinnegan) เนตรสังสาระ เชื่อกันว่าเป็นวิชาเนตรดั้งเดิมที่ถูกค้นพบในโลกนินจาเป็นวิชาแรก มีรูปร่างเป็นวงกลมซ้อนกันหลายชั้นในดวงตา มีความสามารถช่วยให้ผู้ครอบครองสามารถใช้วิชานินจาได้ทุกชนิดและควบคุมจักระได้ทั้งหมด 6 ชนิด และยังทำให้ร่างทั้ง 6 ใช้ทัศนะวิสัยร่วมกันในการมอง ทำให้ร่วงทั้ง 6 สามารถร่วมมือกันโจมตีและป้องกันการโจมตีจากศัตรู โดยร่างแต่ละร่างของเพนในปัจจุบัน ล้วนเป็นนินจาที่จิไรยะเคยพบระหว่างที่เขาเดินทางไปยังที่ต่างๆ ตัวอย่างความสามารถของแต่ละร่าง เช่น ร่างแรกที่เขาพบคือยาฮิโกะ ความสามารถที่เพนใช้คือสามารถควบคุมฝนและสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวและระดับจักระของผู้คนที่เดินทางเข้ามา ร่างที่มีผมม้าขนาดใหญ่สามารถใช้คาถาสัตว์อัญเชิญได้หลากหลายชนิดเกินกว่านินจาปกติ ร่างอ้วนสามารถเลียนแบบวิชานินจาได้จากการตั้งรับ ร่างหัวโล้นสามารถยิงแขนซ้ายของเขาได้เหมือนจรวด เป็นต้นเดิมทีผู้ครอบครองเนตรสังสาระคนแรกที่จิไรยะพบคือนางาโตะ (長門 Nagato) เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งจากหมู่บ้านอาเมะคะกุเระ ที่ระเห็จจากสงครามเช่นเดียวกับยาฮิโกะและโคนัน โดยพวกเขาพบกับจิไรยะและทีม(ได้แก่โอโรจิมารุและ ซึนาเดะ)หลังทีมจิไรยะเสร็จภารกิจและเดินทางกลับโคโนฮะ จิไรยะได้ดูแลและสอนวิชานินจาพื้นฐานให้พวกเขาเพื่อเอาตัวรอด ก่อนที่จะย้อนกลับไปยังหมู่บ้านโคโนฮะ เหตุการณ์ที่เชื่อว่าเกิดชึ้นหลังจากนั้นไม่นานคือ นางาโตะเริ่มเชื่อว่าวัยเด็กที่ทรมานของเขาได้สอนเขา และเริ่มมองเห็นตัวเองเป็นพระเจ้าที่สอนให้โลกรู้จักการต่อสู้อย่างไร้ความหมาย และหลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพนปรากฏตัวในอาเมะคะกุเระและเริ่มสงครามกลางเมืองกับรัฐบาลในตอนนั้น เพนยุติสงครามโดยการสังหารผู้นำหมู่บ้าน ฮันโซ และมีการปฏิบัติภารกิจอย่างเด็ดขาดเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ที่จะกลับมาแก้แค้นเหลืออยู่ในหมู่บ้าน เพนฆ่าครอบครัว, เพื่อน, และคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของฮันโซ และสถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้า โดยมีนินจาจำนวนมากหันมาจงรักภักดีต่อเพน และทำสัญลักษณ์ขีดฆ่าที่กระบังหน้าเข้าร่วมเป็นแสงอุษาโดยยังคงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านและยินดีปฏิบัติตามคำสั่งของเพนทุกประการ โดยเพนใช้หมู่บ้านเป็นฐานทัพของเขาในการปฏิบัติงานของแสงอุษา ซึ่งแม้ว่าเขาจะสั่งการให้กับสมาชิกคนอื่นๆ โดยตรง และมีอำนาจเหนือพวกสมาชิกอื่นในฐานะหัวหน้า แต่โดยพฤติกรรมแล้วเพนก็ได้รับคำสั่งมาจากโทบิ(ในนามแห่ง อุจิวะ มาดาระ) อีกทอดหนึ่ง

คิซาเมะ
คู่หู : อุจิวะ อิทาจิ (เสียชีวิต)โฮชิงากิ คิซาเมะ (干柿 鬼鮫 Hoshigaki Kisame) คือนินจาที่ถอนตัวจาก คิริคะกุเระ มีลักษณะนิสัยชอบที่จะต่อสู้อย่างไม่หวั่นเกรงเสมอในขณะที่ อิทาจิคู่หูของเขากลับเลือกที่จะสู้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น คิซาเมะ ทำงานกับอิทาจิได้เข้าขากันเป็นอย่างดีเมื่อเปรียบเทียบกับคู่หูทีมอื่นๆในแสงอุษา เขามีความเคารพและยินดีทำสิ่งที่อิทาจิบอกให้ทำทันทีและมักจะเป็นห่วงในสุขภาพของอิทาจิเสมอ อดีตแคว้นของเขาคือ มิซึโนะคุนิ (ดินแดนแห่งน้ำ) ซึ่งควานหาตัวเขาอย่างหนักเพราะว่า คิซาเมะเคยวางแผนที่จะล้มล้างอำนาจของรัฐบาลและมีส่วนในเหตุการณ์สังหารหมู่ของแคว้น เดิมที คิซาเมะ ทำงานให้คิริคะกุเระ ในฐานะสมาชิกกลุ่ม เจ็ดนักดาบแห่งสายหมอก ซึ่งเป็นกลุ่มแห่งนินจาที่ใช้อาวุธขนาดยักษ์ในการต่อสู้ อาวุธของคิซาเมะมีชื่อว่า ซาเมะฮาดะ (鮫肌, "หนังฉลาม") เป็นดาบที่ปกคลุมด้วยเกล็ดที่ใช้โกนผิวหนังแทนที่การตัดและมันสามารถดูดจักระได้ โดยดาบซาเมะฮาดะจะยอมรับให้คิซาเมะถือเท่านั้น ถ้ามีคนอื่นๆ พยายามที่จะถือมัน หนามแหลมจะแทงออกมาจากด้ามจับและมันจะกลับไปหาคิซาเมะทันที นิสัยของเขาซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นนิสัยของพวกเจ็ดนักดาบแห่งสายหมอกคือชื่นชอบการตัดส่วนต่างๆ ของคู่ต่อสู้ เช่นกรณี ที่คิซาเมะบอกว่าการตัดขาของอุซึมากิ นารุโตะจะทำให้เขาแบกได้ง่ายขึ้นคิซาเมะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายฉลาม มีผิวสีน้ำเงินทั้งตัว ตาสีขาวคู่เล็ก ใบหน้ามีครีบอยู่ด้วย และฟันรูปสามเหลี่ยม แม้แต่ชื่อของเขา คิซาเมะ แปลว่า ฉลามปีศาจ รูปร่างที่คล้ายฉลามของเขายังสัมพันธ์ต่อความสามารถที่เขาใช้ในการต่อสู้ด้วย เช่น เขาจะก่อให้น้ำกลายเป็นร่างฉลามเพื่อทำการโจมตีคู่ต่อสู้ ถ้าหากไม่มีน้ำในที่ๆ เขาต่อสู้ คิซาเมะสามารถใช้ คาถาน้ำ คลื่นน้ำระเบิดจู่โจม (水遁・爆水衝波 Suiton: Bakusui Shōha) เพื่อสร้างทะเลสาบเพื่อใช้ในการโจมตี คิซาเมะยังมีจักระจำนวนมหาศาล และมีมากที่สุดในบรรดาสมาชิกของแสงอุษา เขามักจะใช้พลังแค่ 30% ในการต่อสู้ ซึ่งก็เทียบเท่ากับพลังสถิตของจิ้งจอกเก้าหางของนารุโตะในตอนที่ใช้ระหว่างสอบจูนิน

โคนัน
คู่หู : เพนโคนัน (小南 Konan) เป็นนินจาหญิงเพียงคนเดียวในแสงอุษา และเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวที่เรียกหัวหน้าของแสงอุษาด้วยชื่อเพน ชีวิตในวัยเด็กของ โคนัน นางาโตะ และยาฮิโกะ พวกเขาเป็นเด็กกำพร้าจากสงครามของอาเมะคะกุเระ ทำให้พวกเขาต้องดูแลตนเอง ทั้งสามได้มาพบกับจิไรยะ ผู้ที่ดูแลและสอนวิชานินจาพื้นฐานให้พวกเขา จิไรยะคิดว่าโคนันตายไปแล้วพร้อมกับนางาโตะและยาฮิโกะโคนันมีพรสวรรค์ในเรื่องการพับกระดาษโดยกำเนิด สังเกตได้จากดอกไม้กระดาษที่เธอปักไว้บนผม พรสวรรค์นี้ยังเป็นวิชานินจาหลักของเธอด้วย เธอสามารถแยกตัวเองให้กลายเป็นแผ่นกระดาษจำนวนนับไม่ถ้วน กระดาษพวกนี้ถูกควบคุมอย่างเอกเทศ และกลายเป็นรูปร่างต่างๆ ที่เหมาะกับจุดประสงค์ เช่น ผีเสื้อเพื่อการสำรวจ หรือกลายเป็นอาวุธเพื่อโจมตี โคนันสามารถสร้างปีกที่ทำให้หล่อนมีฉายาว่า “ผู้นำสารจากพระเจ้า” ของชาวอาเมะคะกุเระ ซึ่งเธอจะทำตามจุดประสงค์ของเพน ความสามารถของเธอถูกจำกัดเมื่อมีความชื้น กระดาษจะติดกันและสูญเสียความแข็งแรง

เซ็ตซึ
คู่หู : ไม่มีเซ็ตซึ (ゼツ Zetsu) ทำหน้าที่เป็นสายลับของแสงอุษา ความสามารถของเขาช่วยให้การปฏิบัติหน้าที่ของเขาทำได้ง่ายเพราะว่าเขาสามารถแทรกตัวเข้าไปในสิ่งต่างๆและเดินทางไปที่ใดก็ได้ทันที เขายังสามารถย้ายร่างกายของเขาและเข้าแทรกแซงระหว่างที่กำลังทำพิธีกรรมลับของแสงอุษาซึ่งต้องการความปลอดภัยสูงไปด้วยได้ ทำให้เขาสามารถเฝ้าระวังแขกไม่ได้รับเชิญในขณะที่กำลังประกอบพิธี และเนื่องจากหน้าที่ที่เขาต้องทำ เซ็ตซึจึงเป็นสมาชิกแสงอุษาคนเดียวที่ไม่มีคู่หู ถึงอย่างนั้น เซ็ตซึก็ยังมีความสำคัญต่อสมาชิกคนอื่นๆ ในการรายงานความเคลื่อนไหว ซึ่งสมาชิกแต่ละคนจะส่งข่าวให้กับเซ็ตสึมากกว่าส่งให้เพนโดยตรงหัวของเซ็ตซึถูกปกปิดด้วยกาบหอยแครงขนาดใหญ่ ที่ยังคงปกปิดร่างกายส่วนใหญ่ของเขาด้วย เซ็ตซึเป็นพวกกินเนื้อสดๆ คอยกินร่างที่พวกแสงอุษาไม่ต้องการให้ถูกพบเพื่อเก็บรักษาความลับ ทำให้เขามีหน้าที่เป็นนินจานักล่าด้วย เขายังทำหน้าที่เก็บแหวนของสมาชิกแสงอุษาที่ตายไปแล้ว โดยเซ็ตสึมีลักษณะเหมือนคนสองบุคลิกในร่างเดียว ซึ่งจะแบ่งร่างกายฝั่งขวาของเซ็ตซึเป็นสีดำในขณะที่ฝั่งซ้ายเป็นสีขาว จากเนื้อเรื่องจะพบว่าครึ่งสีดำของใบหน้าจะมีเสียงทุ้ม ส่วนอีกฝั่งหนึ่งจะมีเสียงแหลมกว่า และทั้งสองฝั่งมักจะพูดคุยกันเอง (ทางความคิด) และบ่อยครั้งที่มีความเห็นต่างกัน

โทบิ
คู่หู : เดอิดาระ(เสียชีวิต) โทบิ (トビ Tobi) เข้าร่วมกับแสงอุษาหลังจากการตายของซาโซริ เขาเข้าแทนที่ในตำแหน่งคู่หูของเดอิดาระ บุคลิกของโทบิต่างจากสมาชิกคนอื่นๆของแสงอุษา ซึ่งมักจะจริงจังและอุทิศตัวเองกับภารกิจ แต่โทบิมีนิสัยที่ตลกขบขันและดูไร้ความกังวล ซึ่งนิสัยนี้สร้างความรำคาญให้กับเดอิดาระ และเขามักจะจัดการโทบิด้วยท่าแก้เผ็ดที่ตลกขบขันในทุกครั้งที่อโทบิสร้างความรำคาญให้เขาโดยไม่ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม คิซาเมะกลับชื่นชอบบุคลิกของโทบิที่สร้างความครึกครื้นรื่นเริงให้กับ “องค์กรที่มืดมน” ได้หลังจากเหตุการณ์การปะทะกับซาสึเกะของเดอิดาระและโทบิ เขาได้ย้อนกลับไปออกคำสั่งกับ เพน ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแสงอุษา และเขาได้เผยตัวตนออกมาว่าเขาคือ อุจิวะ มาดาระ ในระหว่างการสนทนา จุดประสงค์ที่ มาดาระ ก่อตั้งแสงอุษาขึ้นเพื่อซ่อนความเคลื่อนไหวและจุดประสงค์ในฐานะมาดาระไว้เบื้องหลังองค์กร บุคลิกและการพูดของมาดาระนั้นต่างกับโทบิอย่างสิ้นเชิง โดยมักจะใช้คำที่สุภาพน้อยกว่าและคำพูดแสดงถึงความเย่อหยิ่งของตัวร้าย ตามเนื้อเรื่องนั้นเขายังคงปกปิดตัวจริงและอยู่ในฐานะของโทบิต่อไป ในการปะทะกับกลุ่มของนินจาโคโนฮะในภายหลังจากการเปิดเผยตัวมาดาระกลับไปแสดงนิสัยเหมือนโทบิตามเดิมใบหน้าที่แท้จริงของโทบิยังคงเป็นปริศนา ยกเว้นแต่ผมสีดำที่ชี้ขึ้นเท่านั้น เขาสวมหน้ากากที่ปกปิดใบหน้ายกเว้นตาขวาของเขาที่มีเนตรวงแหวน เขายังมีกลอนหรือเข็มที่แขนเสื้อของชุด ตอนนี้ถูกทับด้วยเสื้อคลุมของแสงอุษา นอกจากนี้โทบิยังเป็นคนเดียวที่ไม่ได้สวมกระบังหน้าเหมือนนินจาคนอื่น วิชานินจาและรูปแบบการต่อสู้ของเขาก็ยังเป็นปริศนา ทักษะที่โดดเด่นของเขาคือความสามารถที่ปล่อยให้การโจมตีทะลุผ่านตัวเขาและทนต่อการโจมตีทางกายภาพ ซึ่งเปิดเผยให้เห็นในการปะทะกับกลุ่มนินจาโคโนฮะที่ออกตามตัวซาสึเกะ

อดีตสมาชิก
อดีตสมาชิกคือ สมาชิกที่ถอนตัวออกจากกลุ่ม หรือสมาชิกที่เสียชีวิตในการปฏิบัติภารกิจ

โอโรจิมารุ
สาเหตุ : ถอนตัวจากกลุ่ม ปัจจุบันเชื่อว่าเสียชีวิต สถานะ : เนื่องจากเขาขโมยแหวนไปด้วย ทำให้สมาชิกแสงอุษาเหลือเพียง 9 คน และไม่มีใครเข้ามาแทนที่ คู่หูในอดีต : ซาโซริโอโรจิมารุ (大蛇丸 Orochimaru) นินจาที่ถอนตัวจากโคโนฮะคะกุเระ เขาเข้าร่วมกับแสงอุษาหลังจากที่ออกมาจากโคโนฮะ และจับคู่กับซาโซริโอโรจิมารุพยายามใช้ความสามารถของเขาในการขโมยร่างอิทาจิที่เข้ามาเป็นสมาชิกในตอนหลัง อิทาจิตอบโต้และแสดงให้เห็นว่ามีฝีมือเหนือกว่าโอโรจิมารุ และทำให้โอโรจิมารุหนีออกจากองค์กรหลังจากนั้น โอโรจิมารุได้นำมือข้างที่ขาดจากการต่อสู้และแหวนแสงอุษาที่ใส่อยู่ไปด้วย เนื่องจากเขาเป็นผู้รู้ความลับและแผนการของแสงอุษาหลายอย่าง(และยังอาจเกี่ยวข้องถึงเรื่องสัตว์หาง ยามาตะ โนะ โอโรจิ ด้วย) สมาชิกของแสงอุษาจึงมีแผนการที่จะกำจัดเขาอยู่ในกำหนดการด้วยเช่นกัน

เดอิดาระ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้ สถานะ : ยังไม่มีการแทนที่ คู่หูในอดีต : ซาโซริ, โทบิเดอิดาระ (デイダラ Deidara) นินจาที่ถอนตัวจากอิวะคะกุเระ ก่อนที่จะเข้าร่วมกับแสงอุษา เดอิดาระเป็นผู้ก่อการร้ายวางระเบิดรับจ้าง ซึ่งงานของเขาดึงดูดความสนใจของเพน และได้ส่งสมาชิกแสงอุษาคนอื่น มารับตัวเดอิดาระมาเป็นสมาชิกใหม่ แม้ว่าเดอิดาระจะปฏิเสธแต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเข้าร่วมกลุ่มหลังจากที่พ่ายแพ้ต่ออิทาจิ นอกจากนี้เดอิดาระยังคงมีตั้งใจที่จะกลับมาเอาชนะอิทาจิให้ได้ในอนาคต จึงได้ฝึกฝนเทคนิกพิเศษเพื่อเอาชนะวิชาลวงตาของอิทาจิไปด้วย เดิมทีเดอิดาระปรากฏตัวเป็นคู่หูของซาโซริ ซึ่งมีความมาสารถทางศิลปะและเข้าใจสิ่งที่เดอิดาระนับถือ เดอิดาระจับคู่กับโทบิหลังการตายของซาโซริ โดยซาโซริมองโทบิเหมือนกับรุ่นน้องหรือลูกศิษย์ แม้ว่านิสัยของโทบิจะทำให้เดอิดาระรำคาญ แต่เดอิดาระก็ดูแลโทบิเป็นอย่างดี คอยกันโทบิออกมาจากอันตราย แม้กระทั่งช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาก็ยังระรึกขอโทษโทบิในใจ (ในการระเบิดตัวตายซึ่งกินวงกว้างและอาจจะทำให้โทบิตายไปด้วยเพราะหนีไม่ทัน)วิชาต่อสู้ของ เดอิดาระ คือใช้ฝ่ามือซึ่งมีปากพิเศษในการสร้างดินระเบิด (起爆粘土 Kibaku Nendo) ดินที่ผสมจักระที่จะระเบิดเมื่อเขาออกคำสั่ง โดยคำสั่งที่เขาใช้ก็คือ คัตสึ (喝 "Scold") โดยแรงระเบิดนั้นขึ้นอยู่กับจักระที่เขาใช้เข้าไปในดิน ดินของเขาสามารถออกมาในรูปแบบใดหรือขนาดใดก็ได้ จากขนาดเล็กมากจนถึงร่างเลียนแบบตัวเขาที่สูงเสียดฟ้า เดอิดาระชอบพูดว่างานสร้างสรรค์ของเขาเป็นศิลปะ เชื่อว่าสิ่งที่สวยงามที่สุดคือการระเบิด ความเลื่อมใสในศิลปะของเขานั้นทำให้เขาเชื่อว่ามันไม่มีทางแพ้ได้และทำให้เขากลายเป็นคนที่มั่นใจมากเกินไป เดอิดาระจะปรับรูปแบบการใช้ระเบิดตามลักษณะของภารกิจ โดยเขาจะกำหนดขนาดระเบิดระหว่าง C1 ถึง C4 ซึ่ง C1 คือระเบิดที่ธรรมดาๆ และ C4 คือระเบิดที่รุนแรงที่สุดและมีการโจมตีที่ซับซ้อนที่สุด นอกจากนี้เดอิดาระยังมีวิชาลับคือปากที่บริเวณหน้าอกที่เมื่อใส่ดินเข้าไปก็จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นระเบิดมีชีวิตที่มีรัศมีการทำลาย 10 กิโลเมตร เดอิดาระตัดสินใจใช้วิชานี้ในการต่อสู้กับซาสึเกะหลังจากพบกับความยากลำบากในการเอาชนะ และเขามั่นใจว่าวิชานี้จะชนะเพื่อพิสูจน์ว่าศิลปะของเขาอยู่ในระดับสูงสุด

ฮิดัน
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สถานะ : ยังไม่มีการแทนที่ คู่หูในอดีต : คาคุสึฮิดัน (飛段 Hidan) คู่หูปากดีของคาคุสึ ฮิดันเป็นสาวกของศาสนาจาชิน (เทพปีศาจ) เป็นศาสนาที่บูชาเทพเจ้าซึ่งมีชื่อเดียวกับชื่อลัทธิ และเชื่อว่าทุกสิ่งจะอยู่ภายใต้การพิพากษาลงทัณฑ์ของเทพปีศาจ โดย ฮิดันจะต้องภาวนาต่อจาชินทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้ เพื่อขอพรสำหรับการสังหารที่ลุล่วงหรือขอการประทานอภัยหากเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าคู่ต่อสู้ โดยหลังจากการต่อสู้ ฮิดันจะทำพิธีกรรมต่ออีกเป็นเวลา 30 นาทีตามความเชื่อทางศาสนาและจบด้วยการแทงตัวเองที่หน้าอกขณะที่นอนอยู่กับพื้น โดยเขาจะได้รับการมีชีวิตอมตะเป็นการตอบแทน ฮิดันสามารถรอดชีวิตจากการบาดเจ็บสาหัสได้แม้กระทั่งถูกตัดหัวก็ตาม (แต่ถึงจะรอดชีวิตก็ต้องมีการเย็บเชื่อมต่อมันกลับเข้าหากันเพื่อกลับมาใช้ร่างกายตามปกติ) โดยคาคุสึจะใช้ความสามารถในการช่วยต่อชิ้นส่วนที่จาดจากกันให้และทำให้บาดแผลของเขารักษาได้ทันเวลา การที่ฮิดันมีวีตอมตะไม่ยอมตายนั้นก็เป็นประโยชน์ต่อคาคุสึเช่นกัน เพราะคาคุสึนั้นมักจะอารมณ์ไม่มั่นคงและอาจสังหารคู่หูได้โดยง่าย แต่กับฮิดันเขาสามารถโจมตีฮิดันได้เท่าที่เขาต้องการโดยไม่ต้องกังวลว่าคู่หูจะตาย ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ชอบทำงานร่วมกันและมีปากเสียงกันเสมอ แต่จากความสามารถเหล่านี้ก็ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมในอุดมคติเลยทีเดียวระหว่างการต่อสู้ ฮิดันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ศัตรูเกิดบาดแผลเลือดไหนและหาทางสัมผัสกับเลือดนั้น(แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม) หลังจากนั้นเขาจะวาดสัญลักษณ์บนพื้นเพื่อใช้วิชาลับในการเชื่อมต่อร่างกายของเขาเข้ากับศัตรู โดยวิชานี้ ฮิดันจะจำแลงกายคล้ายกับยมทูตและ ร่างกายของตัวเขาเองจะมีความสามารถคล้ายตุ๊กตาวูดู(ตุ๊กตาสาปแช่ง) ทำให้การโจมตีทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของฮิดัน ไปส่งผลบาดเจ็บที่ศํตรูแทน ฮิดันสนุกนานกับการโจมตีร่างกายตัวเองโดยไม่บาดเจ็บและส่งผลไปที่ศํตรูแทน และมักจะจมลงด้วยการแทงที่หัวใจของตัวเองเพื่อสังหารศัตรู โดยวิชานินจานี้จะถูกทำลายถ้าหากฮิดันเคลื่อนที่ออกจากสัญลักษณ์ที่เขาวาดขึ้นบนพื้นและจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งเมื่อกลับเข้าไปอยู่ในเขตของสัญลักษณ์เท่านั้น ชิกามารุคิดหาวิธีต่อกรกับวิชานี้หลังจากที่ฮิดันใช้มันฆ่า ซารุโทบิ อาสึมะ อาจารย์ของเขา และสุดท้ายฮิดันก็ติดกับแผนการที่ชิกามารุวางหมวากมาเป็นอย่างดี และถูกนำหัวไปฝังไว้ในหลุมลึกใต้ดินและปิดผนึกไว้ด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ ภายในอาณาเขตดูแลของตระกูลนารา แม้จะไม่สามารถระบุได้ว่าเขาตายหรือไม่ แต่ก็ทำให้เขาสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกของแสงอุษาไป

คาคุสึ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สถานะ : ยังไม่มีการแทนที่ คู่หูในอดีต : ฮิดันคาคุสึ (角都 Kakuzu) นินจาที่ถอนตัวจากทากิคะกุเระ และเป็นคู่หูของฮิดัน เขามีนิสัยโลภและต้องการเงิน(แม้จะอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับองค์กรแสงอุษา) ดังนั้นการหาเงินคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคาคุสึ โดยวิธีหาเงินที่เขาชอบคือการล่าค่าหัว โดยเฉพาะค่าหัวของนินจาฝ่ายดีที่ถูกตั้งขึ้นในตลาดมืด(คล้ายๆการที่มาเฟีย หรือโจรลงขันกันตั้งค่าหัวตำรวจ หรือเข้าหน้าที่สำคัญของทางการ) คาคุสึสามารถจดจำได้ทุกอย่างเกี่ยวกับเงินรางวัลค่าหัวและข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย คาคุสึถูกตั้งฉายาว่า “ขุมทรัพย์แห่งแสงอุษา” เพราะมุมมองเกี่ยวกับเงินทองของเขานี่เอง อย่างไรก็ตามหน้าที่ที่แท้จริงของเขายังเป็นปริศนา แม้ว่าแสงอุษาจะเป็นแหล่งรายได้ที่ดี แต่คาคุสึก็เกลียดความจริงที่ว่าเขาต้องมีคู่หู โดยปกติแล้วเวลาที่คาคุสึเกิดความโมโห เขามักจะเผลอฆ่าทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวรวมถึงคู่หูในทีมด้วย เพราะเหตุนี้ทำให้เขาต้องมาจับคู่จับฮิดัน(ซึ่งมีร่งอมตะ) และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยถูกกันนัก แต่ความเป็นอมตะของฮิดันทำให้เขากลายเป็นคู่หูในฝันของคาคุสึร่างกายของคาคุสึถูกปกคลุมด้วยเส้นใยประหลาดสีดำและหนาทึบจำนวนมาก ซึ่งมีประโยชน์ในการต่อสู้ทั้งในระยะใกล้และไกล นอกจากนี้มันยังมีปลายแหลมและพุ่งเข้าทิ่มแทงเนื้อได้โดยอัตโนมัติ คาคุสึสามารถขโมยและยึดเอาหัวใจของศํตรูมาไว้ในรางกายตัวเองได้ด้วย เขาสามารถเก็บหัวใจอื่นไว้กับตัวเองได้ถึง4ดวงและใช้หัวใจที่สดใหม่เข้ามาเปลี่ยนเป็นพลังงานชีวิตไปเรื่อยๆได้อย่างไม่จำกัดโดยผนึกมันไว้ที่หน้าการรูปสัตว์บริเวณหลัง4อัน หัวใจเหล่านี้ยังมีประโยชน์ทำให้คาคุสึสามารถใช้วิชานินจาธาตุต่างๆตามเจ้าของเดิมได้ และแต่ละหน้ากากสามารถแยกจากร่างกายของเขาออกไปสร้างเป็นร่างโจมตีได้อย่างอิสระและสามารถยิงระเบิดธาตุที่ทรงพลังใส่คู่ต่อสู้ได้ คาคุสึสามารถใช้หัวใจแต่ละอันทดแทนหัวใจที่อาจจะถูกทำลายไปได้ด้วย โดยปกติคาคุสึจะใช้พลังธาตุดินในการป้องกันซึ่งทำให้เขาทนทานต่อการโจมตีทางกายภาพอย่างมาก คาคุสึพ่ายแพ้จากการต่อสู้กับกลุ่มนินจาโคโนฮะที่ทำลายหน้ากากทั้งหมดลง หลังจากสิ้นท่าเพราะการโจมตีอันรุนแรงของนารุโตะทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวหนีไปไหนได้

ซาโซริ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สถานะ : แทนที่โดย โทบิ คู่หูในอดีต : เดอิดาระ, โอโรจิมารุซาโซริ (サソリ Sasori) นินจาที่ถอนตัวจากซึนะคะกุเระ ซาโซริก็อยู่ในการดูแลของ จิโย ย่าของเขาหลังจากการตายของพ่อแม่ของเขา ซึ่ง จิโยเป็นผู้ที่สอนเขาทุกอย่างเกี่ยวกับการใช้คาถาหุ่นเชิดในการต่อสู้ และด้วยความรู้ใหม่ที่เขาได้รับนี้ เขาจึงสร้างหุ่นเชิดที่คล้ายพ่อแม่ของเขาออกมาเพื่อที่จะรับรู้ถึงความรักจากพวกเขา แต่ว่าพวกมันก็เป็นแค่หุ่นกระบอกที่ไม่มีความรู้สึก เขารู้สึกว่าเป็นความพยายามที่ล้มเหลาและหลังจากนั้นซาโซริก็ได้ทิ้งพวกมันไว้และออกจากหมู่บ้านไปเข้าร่วมกับแสงอุษา และจับคู่กับโอโรจิมารุ โดยเขาเป็นหนึ่งในคนที่วางแผนสังหารโอโรจิมารุภายหลังจากการถอนตัวออกจากองค์กรของโอโรจิมารุด้วย ภายหลังซาโซริจับคู่กับ เดอิดาระและค่อนข้างเข้าคู่ทำงานร่วมกันได้ดีกว่าแต่ก่อนเช่นการที่เดอิดาระค่อนข้างมความนับถือในความสามารถของซาโซริ แม้ว่าทั้งสองคนจะมีมุมมองของศิลปะที่แตกต่างกัน เป็นต้น (เดอิดาระชื่นชมงานปั้นที่ถูกทำลายด้วยระเบิดในทันที แต่ซาโซริชื่นชมงานสร้างหุ่นกระบอกที่คงอยู่ยาวนาน) เดอิดาระยอมรับซาโซริในฐานะอาจารย์ของเขาจนถึงวาระสุดท้าย แม้ว่าซาโซริจะไม่เคยชื่นชมความคิดของเขา ซาโซริเชี่ยวชาญในการสร้างหุ่นเชิดที่ทำมาจากศพและกระดูกคน โดยการเอาเครื่องในออกและใช้วิธีถนอมรักษา(สตาฟ)มันไว้ไม่ให้เน่าเปื่อย ปกติซาโซริจะอยู่กับหุ่นเชิดฮิรูโกะ (ヒルコ Hiruko) ซึ่งเป็นหุ่นเชิดที่เขาเข้าไปซ่อนตัวอยู่ข้างในเหมือนกับชุดสวมในการแสดงละคร โดยหุ่นที่เขาชอบใช้ในการต่อสู้มากที่สุดและถือเป็นไพ่ตายอย่างหนึ่งก็คือหุ่นของคาเสะคาเงะรุ่นที่ 3 อดีตผู้นำแห่งซึนะคะกุเระที่ถูกลักพาตัวและสังหารก่อนที่เดอิดาระจะออกมาจากหมู่บ้าน เนื่องจากซาโซริ้รู้จักกับรุ่นที่ 3 เมื่อครั้งยังมีชีวิตทำให้ซาโซริสามารถใช้ความสามารถเลียนแบบได้เหมือนจริงและสมบูรณ์มาก กระนั้นหุ่นมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือร่างกายของเขาเองเนื่องมาจากเขาได้ดัดแปลงร่างกายของเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิดเช่นกัน เหตุนี้ทำให้เขาคงความหนุ่มที่ผิดธรรมชาติไว้ได้ และร่างกายหุ่นเชิดของซาโซริยังมีความสามารถที่จะควบคุมหุ่นเชิดได้ถึงร้อยตัวพร้อมกัน ซาโซริก็สร้างกล่องสำหรับเก็บหัวใจและผนึกไว้ที่หน้าอกของตุ๊กตาที่ใช้เป็นร่างกายของตัวเอง โดยหากเกิดการโจมตีที่ไม่ส่งผลให้กล่องหัวใจนี้ได้รับความเสียหาย ซาโซริก็จะยังคงรอดชีวิตไม่มีวันตายและย้ายมันไปยังร่างตุ๊กตาใหม่อื่นๆได้เสมอทำให้เขาไม่มีวันตายเช่นกัน นอกจากนี้อาวุธที่หุ่นเชิดใช้(รวมทั้งอาวุธที่ซ่อนอยู่ในกลไกต่างๆของหุ่น) ยังเป็นอาวุธที่มีพิษและเป็นพิษที่ซาโซริเป็นคนผสมเองโดยมีพิษที่ร้ายแรงขนาดทำให้ร่างกายของเป้าหมายอัมพาตและจะตายลงหลังจากนั้นภายใน 3 วัน ซาโซริพ่ายแพ้และเสียชีวิตหลังจากการต่อสู้ที่นาวนานกับอย่าของเขาที่ร่วมมือกับซากุระ ในระหว่างการปะทะกับนินจาของโคโนฮะที่ออกติดตามชิงตัว กาอาระ ที่ถูกลักพาตัวไปกลับคืนมา

อิทาจิ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้ สถานะ : ยังไม่มีการแทนที่ คู่หูในอดีต : โฮชิงากิ คิซาเมะอุจิวะ อิทาจิ (うちは イタチ Uchiha Itachi) เป็นนินจาที่ถอนตัวจาก โคโนฮะคะกุเระ และมีคู่หูคือ โฮชิกาคิ คิซาเมะ โดยระหว่างที่เขายังอยู่ที่โคโนฮะ เขาเป็นนินจาที่มีพรสววรค์และพัฒนาจนกลายเป็นนินจาที่เก่งกาจอย่างรวดเร็ว และทำให้กลายเป็นคนที่เด่นและได้รับความสนใจจากคนในตระกูลเป็นอย่างมาก
อิทาจิ เดิมเป็นนินจาในหน่วยลับของ โคโนฮะงาคุเระ และมีความเป็นอัจฉริยะสูงมากได้เข้าหน่วยตั้งแต่อายุยังน้อย อิทาจิเกิดปัญหาขัดแย้งกับคนในตระกูลโดยเดิมที เขาถูกสงสัยว่าเป็นผู้สังหาร อุจิวะ ชิซุย เพื่อนสนิทและเป็นญาติในตระกูลอุจิวะด้วยกัน เพื่อเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา และต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรผู้ฆ่าล้างตระกูล ทำให้ต้องถอนตัวออกจากหมู่บ้านไปเป็นนินจาถอนตัว และเข้าร่วมกับองค์กร แสงอุษาในที่สุด โดยมีเพียง ซาสึเกะ น้องชายแท้ๆเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ในครั้งนั้น
แม้ว่าสถานะของเขาจะเป็นอาชญากรที่ต้องการตัวและฆาตกร อิทาจิก็ไม่ได้แสดงออกถึงความชื่นชอบในความรุนแรงหรือการต่อสู้ อิทาจิมักจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ และเลือกต่อสู้เท่าที่จำเป็นทำนั้น โดยหากหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วเขาก็จะจบมันอย่างรวดเร็วที่สุด อิทาจิมักจะคงลักษณะสงบนิ่งไม่แสดงออกแม้ในยามที่ต่อสู้ เขามักจะอยู่ในลักษณะตั้งรับและคอยสวนกลับการโจมตีเสมอ อิทาจิสามารถจับการเคลื่อนไหวของศัตรูด้วยเนตรวงแหวน(เช่นเดียวกับผู้ใช้เนตรคนอื่นๆ) โดยใช้มันเพื่อประเมินท่าทางของคู่ต่อสู้และโต้ตอบอย่างรวดเร็วด้วยเนตรวงแหวน กระจกเงาหมื่นบุปผาซึ่งเป็นวิชาเนตรพิเศษของเขา และด้วยเนตรพิเศษนี้ยังทำให้อิทาจิสามารถใช้วิชาเนตรพิเศษอื่นๆ เช่น อ่านจันทรา (Tsukuyomi 月読) วิชาคาถาลวงตาที่สร้างเหตุการณ์จำแลงแต่สามารถสร้างความเสียหายทางร่างกายและจิตใจของศัตรูได้, เทวีสุริยา (Amaterasu 天照) วิชาทรงพลังที่เรียกเปลวเพลิงสีดำที่ร้อนกว่าดวงอาทิตย์ 10 เท่าและสามารถเผาผลาญได้ทุกสิ่งตามทิศทางที่ดวงตามองเห็น และจะเผาผลาญไม่หยุดจนกว่าเป้าหมายจะดับสิ้น และสึซาโนะโอะ (Susanoo 須佐能乎) วิชาลับขั้นสูงของเนตรพิเศษที่จะอัญเชิญดาบและโล่ของเทพเจ้ามาใช้ในการต่อสู้ด้วย อิทาจิมีความชานาญในพื้นฐานวิชาลวงตาเป็นอย่างดี และยังสามารถหลอกคู่ต่อสู้ด้วยการสบตาเท่านั้น นอกจากนี้เขายังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะการทำสัญลักษณ์มือเพื่อสร้าง"อิน" และใช้วิชานินจาได้โดยศัตรูไม่ทันระวังตัว ปัจจุบันคาดว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้วหลังจากการต่อสู้กับซาสึเกะ และได้ถ่ายทอดวิชาเนตรกระจกเงาหมื่นบุปผาให้กับซาสึเกะไว้ โดยวิชาเนตรนี้จะทำงานอัตโนมัติกลายเป็นเทวีสุริยาทุกครั้งเมื่อสบตากับเนตรวงแหวนของโทบิ (มาดาระ) เพื่อป้องกันมาดาระไม่ให้เข้าใกล้ซาสึเกะ
หลังจากการเสียชีวิตของอิทาจิ ซาสึเกะได้ฟังการเล่าเรื่องของมาดาระเกี่ยวกับอิทาจิว่า แท้จริงการสังหารหมู่ครั้งนั้นเกิดจากการที่อิทาจิต้องการปกป้องหมู่บ้านโคโนฮะ เพราะตระกูลอุจิวะคิดจะก่อสงครามเพื่อปฏิวัติรัฐประหารยึดครองอำนาจในหมู่บ้าน อิทาจิต่อสู้โดยได้รับความช่วยเหลือจากมาดาระเพื่อหยุดยั้งคนในตระกูล และปกปิดเรื่องทั้งหมดเป็นความลับพร้อมถอนตัวออกจากหมู่บ้านและทำสัญญากับโฮคาเงะรุ่นที่3 ให้ช่วยดูแลซาสึเกะ ซึ่งเรื่องทั้งหมดมีเหตุมาจากความบาดหมางของตระกูลอุจิวะ กับโฮคาเงะรุ่นที่1 ผู้นำตระกูลเซ็นจูที่มาดาระเล่าว่าต้องการทำลายตระกูลอุจิวะ ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่มาดาระเล่านั้นจริงหรือไม่ แต่เชื่อได้ว่ามาดาระเล่าให้ซาสึเกะฟังเพื่อโน้มน้าวซาสึเกะมาเป็นพวกและร่วมกันก่อสงครามกับโคโนฮะ

สมาชิกระดับล่าง
นินจาถอนตัวของหมู่บ้านอาเมะคากุเระแทบทั้งหมู่บ้านที่รอดชีวิตจากสงครามกลางเมืองและหันไปจงรักภักดีกับเพนในฐานพระเจ้าที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก
ยูระ (เสียชีวิตแล้ว) โจนินจากหมู่บ้าน ซึนะคะกุเระ เป็นนินจาที่ยังคงภักดีต่อซาโซริ และหักหลังหมู่บ้าน เสียชีวิตจากการต่อสู้กับนารุโตะในฐานะ ร่างแทน ของอิทาจิระหว่างที่ทีมนารุโตะบุกไปชิงตัวกาอาระที่ถูกแสงอุษาจับตัวไปคืนมา
โจนินของ ซึนะคะกุเระอีกคนที่เป็นร่างแทน ของคิซาเมะ เสียชีวิตในการปะทะกับทีมไก
คาบูโตะ ลูกน้องของ โอโรจิมารุ เดิมเป็นลูกน้องของซาโซริมาก่อนแต่หักหลังและหันไปเข้ากับโอโรจิมารุเต็มตัว

การเข้าร่วมแสงอุษาของกลุ่มเหยี่ยว
กลุ่มเหยี่ยว(ทากะ) ในอดีตคือกลุ่มงู(เฮบิ) ซึ่งคือการรวมตัวกันของสมาชิกระดับท็อปที่เคยเป็นนินจาใต้บังคับบัญชาของโอโรจิมารุ นำโดย อุจิวะ ซาสึเกะ และมีผู้ติดตามอีกสามคนคือ ซุยเง็ตสึ คาริน และจูโกะ โดยจุดมุ่งหมายเดิมของกลุ่มงูคือการออกตามล่าอุจิวะ อิทาจิ จนกระทั่งซาสึเกะสามารถสังหารอิทาจิได้สำเร็จ แต่ภายหลังจากที่ซาสึเกะได้รับฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับอิทาจิจาก อุจิวะ มาดาระ ภายใต้หน้ากากของโทบิ ทำให้ซาสึเกะก็ตัดสินใจนำพาพรรคพวกเข้าร่วมกับแสงอุษาในนามกลุ่มเหยี่ยว และเปลี่ยนมาใช้ชุดฟอร์มเสื้อคลุมแบบแสงอุษาแต่ยังคงเอกลักษณ์ให้เห็นถึงความแตกต่างบางส่วนไว้ รวมทั้งซาสึเกะได้พูดกับเพื่อนทั้งสามคนไว้ในเนื้อเรื่องว่าเป็นเพียงการเข้าร่วมเพื่อใช้ประโยชน์จากแสงอุษาเท่านั้น

ประวัตินารูโตะ


นารูโตะ นินจาของหมู่บ้านโคโนฮะ สูง165ซม.หนัก40.1กก. ผู้ที่ถูกผนึกจิ้งจอกเก้าหางใว้ในท้องในช่วงที่เกิดใหม่ โดยโฮคาเงะรุ่นที่ 4 ผู้สละชีวิตตัวเองต่อสู้กับปีศาจจิ้งจอกเก้าหางและผนึกจิ้งจอกเก้าหางลงไปในตัวนารูโตะ จึงทำสามารถฝึกวิชาของรุ่นที่4ได้ง่ายกว่าใครๆอย่างกระสุนวงจักรและรวมทั้งวิชาพื้นฐานด้วย เนื่องจากนารูโตะได้รับอิทธิพลมาจาก จิ้งจอกเก้าหางโดยตรงทำให้นารูโตะมีจักระที่เยอะมากกว่าคนอื่นในระดับเดียวกัน นารูโตะเติบโตมากับความโดดเดี่ยวที่ไม่มีพ่อและแม่ และมากกว่านั้นนารูโตะโดนนินจาผู้ใหญ่ในหมู่บ้านคนอื่นเกลียดชัง เนื่องจากหาว่ามีจิ้งจอกเก้าหางที่เคยมาทำลายหมู่บ้านอยู่ในร่างกาย อูมิโนะ อิรุกะอาจารย์คนแรกของนารูโตะเป็นคนที่ให้ความสำคัญและดูแลเอาใจใส่นารูโตะเหมือนลูก อิรุกะเข้าใจความรู้สึกของนารูโตะเนื่องจากมีชีวิตในวัยเด็กเหมือนกัน ที่สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก และ จิ้งจอกเก้าหางที่สิงอยู่ในร่างของนารูโตะนั้นเคยทำร้ายพ่อแม่ของครูอิรุกะอีกด้วย 12 ปีต่อมานารูโตะตัวแสบของหมู่บ้านโคโนฮะเข้าสอบเพื่อเลื่อนเป็นเกะนินแต่ไม่สำเร็จ และ ได้ถูกมิซึกิหลอกให้ไปเอาคัมภีร์ที่รวบรวมวิชานินจามาให้ เพื่อตนเองจะได้เอาไปและให้นารูโตะเป็นแพะรับบาป แต่ อิรุกะได้มาช่วยนารูโตะไว้ มิซึกิได้บอกว่าในตัวนารูโตะมีตัวจิ้งจอกเก้าหางอยู่ในตัว และ ได้ฆ่าพ่อแม่ของอิรุกะ นารูโตะได้เรียนวิชานินจากับซาซึเกะ,ซากุระ และ ครูคาคาชิซึ่งร่วมมือกันในภารกิจต่างๆในหน่วย 7 โดยเฉพาะภารกิจที่ช่วยคุ้มครองการสร้างสะพาน ตอนภาคสอง นารูโตะและซากุระพร้อมกันไปช่วย กาอาระ{คาเซคาเงะ}ที่โดนกลุ่มแสงอุษาลักพาตัวไป
ฉายา นินจาจอมเพี้ยน-นินจาอันดับหนึ่งด้านเหนือความคาดหมาย,แหกกฏ
นารูโตะเป็นนินจาที่ค่อนข้างจะโชคดีในเรื่องโชคลาภ เพราะในตอนที่จิไรยะเอาเงินของนารูโตะไปใช้เลยทำให้เงินหมด แต่เพราะไปเล่นเสี่ยงโชคขูดสลากครั้งเดียว นารูโตะสามารถเอาเงินกลับคืนมาได้หมด
วิชานินจาที่นารูโตะใช้
คาถามหารัญจวญ เป็นคาถาที่ค่อนข้างต่ำทรามอย่างมากคือการแปลงร่างเป็นผู้หญิงเปลือยกายและมีเมฆคอยเซนเซอร์
คาถาฮาเร็ม จะเป็นการใช้คาถาแยกเงาพันร่างและคาถามหารัญจวญทำให้มีผุ้หญิงเปลือยกายมากผลก็คือทำให้คนนั้นเลือดกำเดาไหล ใช้ได้ดีกับจิไรยะ หรือ เซียนลามกเพื่อขอร้อง
คาถาแยกเงาพันร่าง เป็นท่าที่นารูโตะใช้มากสุดไม่เหมือนคาถาแยกร่างเพราะแยกเงาพันร่างทำให้ทุกตัวมีตัวตนเพราะถูกโจมตีก็จะสลายหายไปโดยปกติจะแบ่งอย่างน้อยให้ได้ห้าคนเพื่อใช้ท่าลูกเตะนารูโตะ แต่ถ้าใช้จักระจิ้งจอกเก้าหางก็จะแบ่งได้ถึงพันร่างโดยแต่ละร่างจะถูกแบ่งจักระให้เท่ากันทุกร่าง
กระสุนวงจักร(Rasengan) ท่าไม้ตายที่นารูโตะฝึกมาจากจิไรยะซึ่งนารูโตะใช้เวลาฝึกได้เร็วมากในช่วงที่เขาสามารถทำกระสุนวงจักรได้นั้นได้ท้าพนันกับซึนาเดะว่าจะต้องเป็นเซียนท่านี้ให้ได้ผลสรุปนารูโตะสามารถทำได้ นารูโตะนั้นเป็นคนที่ควบคุมจักระยากและไม่ค่อยได้ทันสังเกตศัตรูเลยทำให้เป็นจุดอ่อนในช่วงนั้น แต่ด้วยคาถาแยกเงาพันร่างทำให้สามารถเฝ้าดูและสร้างพลังจากมือขวานารูโตะร่างจริงได้
กระสุนวงจักรบอลยักษ์(Oodama Rasengan) กระสุนวงจักรที่ดัดแปลงแล้ว ใช้นพุ่งไปโจมตีพร้อมกัน 2 ร่าง
คาถาลม กระสุนวงจักร (Fuuton: Rasengan) กระสุนวงจักรที่ดัดแปลงแล้ว ธาตุลม ถูกดัดแปลงเป็น คาถาลม กระสุนวงจักร
ดาวกระจายวงจักร(Fuuton: Rasenshuriken) (50%) ท่าไม้ตายสุดยอดที่นารูโตะก็จะได้รับผลกระทบด้วย โจมตีโดยทำลายเซลล์ของเหยื่อ ใช้การแปลงคุณสมบัติและแปลงลักษณะจักระ
ดาวกระจายวงจักร (100%) ดาวกระจายวงจักรที่ใช้ตอนเป็นโหมดเซียน สามารถขว้างและขยายได้
กระสุนวงจักรมหายักษ์ กระสุนวงจักรลูกใหญ่ที่ใช้ได้เฉพาะโหมดเซียน
กระสุนวงจักรคู่ กระสุนวงจักรที่ใช้ 2 มือ และในแต่ละมือมีกระสุนวงจักร 1 ลูก
คาถาอัญเชิญ คาถาที่ต้องทำสัญญากับสัตว์อัญเชิญด้วยเลือด โดยจะอัญเชิญเหล่ากบมาจากภูเขาเมียวโบคุซัน
โหมดเซียน วิชาที่นารูโตะใช้ได้สมบูรณ์แบบที่สุดในบรรดาทุกคนที่ฝึกมา จะมีแววตาคล้ายกบ ขอบตาสีแดง พลังงานมากขึ้น โดยใช้จักระเซียน ซึ่งได้จากธรรมชาติ แต่ก็มีหลายคนฝึกไม่สำเร็จ จนรวมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ(กลายเป็นรูปปั้นหิน)
จักระจิ้งจอกเก้าหาง เป็นจักระสีแดงอันชั่วร้ายของนารูโตะที่อยู่ในตัวมีพลังมหาศาลถูกใช้ครั้งแรกตอนสู้กับฮาคุในศึกปกป้องสะพานซึ่งจักระจิ้งจอกเก้าหางมีมากมายมหาศาลที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งเก้าหาง ซึ่งสามารถทราบได้ว่าคือหางที่ปลดปล่อยออกมา
ก่อนปลดปล่อยหางออกมามีพลังมากซึ่งนารูโตะมักจะใช้1 หาง ตอนประทะกับซาสึเกะในร่างอักขระสำหรับนารูโตะยังพอควบคุมได้
2 หาง ตอนแค้นเดอิดาระที่ฆ่ากาอาระ ร่างแยกจะร้อนจนหายไป ควบคุมตัวเองไม่ได้,คาดว่ายังกลายร่างไม่เสร็จ
3 หาง ควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ มีพลังที่น่ากลัว
4 หาง เสียสติ ร่างกายคลอบคลุมไปด้วยเลือด มีพลังที่น่ากลัว เพราะแค้นโอโรจิมารุที่เอาตัวซาสึเกะไป
5 หาง ?
6 หาง เกิดจากแค้นที่เพนทำร้ายฮินาตะ รูปร่างคล้ายตอน 4 หางแต่มีกระดูกคลอบคลุมร่างกายด้วย และมี 6 หาง และสามารถทำลาย ผนึกสกด(สร้อยคอของซึนาเดะ)ได้
7 หาง ?
8 หาง ร่างที่ใกล้เคียงกับจิ้งจอกเก้าหางที่สุด เริ่มมีกล้ามเนื้อ และเมื่อถึงหางนี้ รุ่นที่ 4 จะโผล่มาในตัวนารูโตะ
9 หาง ตอนนั้นนารูโตะได้เข้าสู่หางที่ 9 แต่รุ่นที่ 4 ได้มาขัดขวางเสียก่อน (คาดว่าจะกลายเป็นจิ้งจอกเก้าหาง)
นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ
ตัวละครหลัก
อุซึมากิ นารูโตะ • อุจิวะ ซาสึเกะฮารุโนะ ซากุระฮาตาเกะ คาคาชิ
ตัวละครรอง
กาอาระคันคุโร่จิไรยะซึนาเดะ (โฮคาเงะรุ่นที่5)ฮาคุนารา ชิกามารุเท็นเท็นเทมาริยามานากะ อิโนะร็อค ลีอะบุราเมะ ชิโนะอาคิมิจิ โจจิอินุซึกะ คิบะโอโรจิมารุฮิวงะ เนจิฮิวงะ ฮินาตะซาอิโคโนฮามารุเดอิดาระอุจิวะ อิทาจินามิคาเสะ มินาโตะ (โฮคาเงะรุ่นที่4)เท็นโซ (ยามาโตะ)
ดูเพิ่มเติมในนารุโตะ
ตัวละครทั้งหมดสัตว์หางท่าไม้ตายขีดจำกัดสายเลือดภูมิประเทศระดับชั้นตระกูลและกลุ่ม